หยุด! อ่านก่อนซื้อ! สิ่งที่คนขายเครื่องดูดควันอาจไม่ได้บอกคุณ

1. กำลังดูด (Airflow) ไม่ใช่ทุกสิ่ง!

หลายคนมักจะดูที่ตัวเลขกำลังดูด (หน่วยเป็น m3/hr หรือ CFM) เป็นหลัก ยิ่งตัวเลขเยอะยิ่งดีใช่ไหม? ไม่เสมอไป! กำลังดูดที่สูงเกินความจำเป็นอาจทำให้เกิดเสียงดังรบกวน และอาจดูดอากาศเย็นจากภายนอกเข้ามาในครัวมากเกินไป ทำให้เปลืองพลังงานเครื่องปรับอากาศ

สิ่งที่คนขายไม่ได้บอก: สิ่งสำคัญคือ ขนาดครัว และ ประเภทการทำอาหาร ของคุณต่างหาก หากคุณทำอาหารไทยที่เน้นผัด ทอด หรือแกงที่มีควันและกลิ่นแรงเป็นประจำ คุณอาจต้องการกำลังดูดที่สูงกว่า แต่ถ้าครัวของคุณเป็นแบบปิดและทำอาหารไม่บ่อย หรือเน้นอาหารเบาๆ กำลังดูดปานกลางก็เพียงพอแล้ว

2. ประเภทของเครื่องดูดควัน: เลือกให้เหมาะกับสไตล์ครัว

เครื่องดูดควัน มีหลายประเภท แต่ละประเภทมีข้อดีข้อเสียและการติดตั้งที่แตกต่างกัน

• เครื่องดูดควันแบบกระโจม (Chimney Hood): ดีไซน์สวยงาม เหมาะสำหรับครัวที่ต้องการโชว์ดีไซน์ แต่ต้องมีพื้นที่ในการติดตั้งเหนือเตา
• เครื่องดูดควันแบบติดผนัง (Wall-mounted Hood): คล้ายแบบกระโจม แต่มีดีไซน์ที่หลากหลายกว่า ติดตั้งง่าย
• เครื่องดูดควันแบบฝังฝ้า/ฝังเคาน์เตอร์ (Integrated/Downdraft Hood): เหมาะสำหรับครัวสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการความเรียบเนียน มองไม่เห็นตัวเครื่อง หรือครัวที่มีเกาะกลาง
• เครื่องดูดควันแบบใต้ตู้ (Under Cabinet Hood): ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับครัวขนาดเล็ก

สิ่งที่คนขายไม่ได้บอก: การเลือกประเภทเครื่องดูดควันควรคำนึงถึง การวางผังครัว และ งบประมาณ ด้วย หากครัวของคุณมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ หรือต้องการความเรียบง่าย เครื่องดูดควันบางประเภทอาจไม่เหมาะ

3. ระบบระบายอากาศ: สำคัญกว่าที่คิด

เครื่องดูดควัน มี 2 ระบบหลักๆ คือ

• ระบบดูดออกภายนอก (Ducted System): ควันและกลิ่นจะถูกดูดออกไปนอกอาคารโดยตรงผ่านท่อ เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
• ระบบหมุนเวียนภายใน (Recirculating System): ควันและกลิ่นจะถูกกรองด้วยฟิลเตอร์คาร์บอนแล้วปล่อยอากาศสะอาดกลับเข้าสู่ห้องครัว เหมาะสำหรับครัวที่ไม่สามารถเจาะผนังหรือท่อระบายอากาศออกภายนอกได้

สิ่งที่คนขายไม่ได้บอก: ระบบดูดออกภายนอก มีประสิทธิภาพดีกว่ามาก ในการกำจัดกลิ่นและควัน เพราะนำออกไปนอกอาคารเลย ต่างจากระบบหมุนเวียนที่แค่กรองกลิ่นและไอน้ำมันบางส่วน แต่ควันและความร้อนยังคงอยู่ในห้องครัว การเลือกซื้อเครื่องดูดควันควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการติดตั้งระบบดูดออกภายนอกเป็นอันดับแรกเสมอ หากเป็นไปได้

4. เสียงรบกวน (Noise Level): อย่ามองข้ามเด็ดขาด!

เครื่องดูดควันที่มีกำลังดูดสูง มักจะมีเสียงดังตามไปด้วย หน่วยวัดเสียงคือ เดซิเบล (dB) ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งเงียบ

สิ่งที่คนขายไม่ได้บอก: เสียงของ เครื่องดูดควัน ที่ดังเกินไป (มากกว่า 60-70 dB) อาจสร้างความรำคาญและทำให้คุณไม่อยากใช้งาน ยิ่งถ้าคุณทำอาหารนานๆ หรือครัวของคุณเป็นแบบเปิด (Open Plan Kitchen) ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น การเลือกเครื่องดูดควันที่มีระดับเสียงต่ำจึงสำคัญมาก ควรลองเปิดฟังเสียงจริงก่อนตัดสินใจซื้อ

5. การบำรุงรักษา: ฟิลเตอร์และตะแกรงสำคัญกว่าที่คิด

เครื่องดูดควัน ทุกเครื่องต้องมีการบำรุงรักษา โดยเฉพาะการทำความสะอาดฟิลเตอร์และตะแกรงดักจับไขมัน

สิ่งที่คนขายไม่ได้บอก: ฟิลเตอร์ดักจับไขมันควรทำความสะอาดอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นหากทำอาหารบ่อย ส่วนฟิลเตอร์คาร์บอน (สำหรับระบบหมุนเวียน) ต้องเปลี่ยนทุก 3-6 เดือน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน หากไม่ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนฟิลเตอร์ตามระยะเวลาที่กำหนด ประสิทธิภาพการดูดควันจะลดลงอย่างมาก และอาจทำให้เกิดกลิ่นอับสะสมในครัวได้

การเลือกซื้อ เครื่องดูดควัน ไม่ใช่แค่เรื่องของราคาหรือกำลังดูดเท่านั้น แต่คือการลงทุนเพื่อให้ครัวของคุณเป็นพื้นที่ที่น่าใช้งาน สะอาด และมีสุขอนามัยที่ดี หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณนะคะ